ข้อได้เปรียบของ Exness

Exness มอบประสบการณ์การเทรดด้วยสเปรดที่แคบและเสถียรมากยิ่งขึ้น

ด้วย Paul Reid

Exness reduces spreads

เราขอเรียนให้เทรดเดอร์และพาร์ทเนอร์ทุกท่านทราบว่า Exness ได้ลดสเปรดทองคำลง 20% แล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เป็นต้นไป การปรับเปลี่ยนครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการมอบเงื่อนไขการเทรดทองคำที่ดีที่สุด (XAUUSD) และคู่สกุลเงินชั้นนำอื่นๆ

สเปรดทองคำที่ต่ำที่สุด

การปรับลดสเปรดทองคำในครั้งนี้ ทำให้ Exness นำเสนอสเปรดทองคำที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมนี้ โดยมีค่าเฉลี่ยที่ต่ำกว่าคู่แข่งรายอื่นอย่างเห็นได้ชัด ในช่วงที่มีข่าวสำคัญส่งผลกระทบต่อตลาด สเปรด XAUUSD ของเรานั้นแคบกว่ามาตรฐานอุตสาหกรรมถึง 63% ทำให้ลูกค้าของเราตัดสินใจเทรดได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

เมื่อตลาดผันผวนมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจไม่แน่นอน สเปรดที่แคบจะดึงดูดให้ยิ่งน่าเทรดมากขึ้นกว่าที่เคย การปรับลดสเปรดทองคำของเราในครั้งนี้ ทำให้ลูกค้าเทรดได้ในราคาที่ถูกลง ส่งผลให้ลูกค้ามีข้อได้เปรียบในการแข่งขันในตลาด

5 ตัวชี้วัดที่ใช้กันทั่วไปในการเทรดทองคำ

ค่าสเปรดในการซื้อขายทองคำ (XAUUSD) ที่ต่ำที่สุด ทำให้ทองคำกลายเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดใน Exness ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดการเงินทั่วโลกนิยมลงทุนทองคำ เนื่องจากเทรดเดอร์ทราบดีว่าทองคำมีความเสถียร และสามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทำให้ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่เทรดเดอร์หลายรายเลือกใช้ในการลงทุน เมื่อเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ทำการคาดการณ์ทองคำ มักจะเลือกใช้เครื่องมือวิเคราะห์ทองคำที่เหมาะกับตัวเอง แต่มีตัวชี้วัดชั้นนำ 5 ตัวที่ถือว่าเป็นเครื่องมือทางเทคนิคพื้นฐานสำหรับการวิเคราะห์และคาดการณ์ทองคำ

  1. ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) โดยเฉพาะ MA 50 วันและ 200 วัน ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในการระบุแนวโน้มราคาทองคำ หากราคาทองคำเคลื่อนที่ทะลุขึ้นหรือลงไปต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เหล่านี้ มักจะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงจุดเข้าซื้อหรือขายที่เป็นไปได้
  2. ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) เป็นเครื่องมือทางเทคนิคที่ค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการระบุว่าทองคำอยู่ในสภาวะซื้อเกิน (overbought) หรือขายเกิน (oversold) RSI ที่สูงกว่า 70 บ่งชี้ว่าทองคำอยู่ในสภาวะซื้อเกิน (overbought) ในขณะที่ RSI ที่ต่ำกว่า 30 อาจบ่งชี้ว่าทองคำอยู่ในสภาวะขายเกิน (oversold) ซึ่งเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดทองคำ
  3. เครื่องมือ Fibonacci Retracement เทรดเดอร์ทองคำนิยมใช้ในการระบุระดับแนวรับและระดับแนวต้านที่เป็นไปได้ ราคาทองคำมักมีจุดสูงสุดและต่ำสุดที่ชัดเจนบนกราฟ และจุดกลับตัวเหล่านี้มักเกิดขึ้นที่ระดับ 61.8% ระดับ 50% และ 61.8% ก็เป็นจุดที่ราคาอาจจะกลับตัวได้เช่นกัน แต่ความถี่ในการเกิดจะน้อยกว่าระดับ 61.8%
  4. Bollinger Bands จะขยายตัวหรือหดตัวตามความผันผวนของตลาด เมื่อแบนด์กว้างขึ้น หมายความว่าตลาดมีความผันผวนมากขึ้น ในขณะที่เมื่อแบนด์แคบลง หมายความว่าตลาดมีความผันผวนน้อยลง เทรดเดอร์มักใช้ Bollinger Bands เพื่อยืนยันสัญญาณการ breakout
  5. MACD (Moving Average Convergence Divergence) ถูกนำมาใช้ในการระบุจุดซื้อและจุดขายที่เป็นไปได้ โดยพิจารณาจากโมเมนตัมของการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ จุดที่เส้น MACD และเส้นสัญญาณตัดกัน เป็นจุดที่มักจะกระตุ้นให้เกิดการซื้อขาย

อยากรู้เรื่องตัวชี้วัดในการเทรดให้เจาะลึกขึ้น ลองดู คู่มือฉบับนี้ ที่ Exness Insights ได้เลย

การเคลื่อนไหวของราคาทองคำและพฤติกรรมของตลาด

ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไม่แน่นอนและมีความตึงเครียดทางการเมือง นักลงทุนมักหันมาลงทุนในทองคำ ส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้น โชคดีที่เราตั้งเป้าหมายที่จะเป็นโบรกเกอร์ที่มีค่าสเปรดในการเทรดทองคำต่ำที่สุดเสมอ การติดตามข่าวสารและกราฟอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าซื้อขายในจังหวะที่ไม่ดี แต่ต้องจำไว้ว่าข่าวสารที่เราได้รับนั้นเป็นการรายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่ใช่สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน

เมื่อข่าวสารต่างๆ ถูกเผยแพร่ออกไป ความเชื่อมั่นของนักลงทุนก็เปลี่ยนไป ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของราคาหรือปฏิกิริยาใหม่ๆ ตามมา ถ้าคุณเทรดโดยพึ่งพาเพียงข่าวสารจากสื่อ คุณอาจจะเข้าจังหวะตลาดได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วคุณจะเข้าตลาดช้ากว่าคนอื่นๆ อย่างที่เทรดเดอร์มักจะทำมาตลอด 'ซื้อตอนมีข่าวลือ ขายตอนมีข่าวจริง'

ทองคำมักมีความสัมพันธ์ในทิศทางตรงกันข้ามกับดอลลาร์สหรัฐ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า ราคาทองคำมักจะสูงขึ้น และเมื่อดอลลาร์แข็งค่า ราคาทองคำมักจะลดลง การติดตามความแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐฯ ช่วยให้เราคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาทองคำได้ ทองคำมักจะให้ผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่เงินเฟ้อสูงขึ้น หรือในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่รักษามูลค่าได้ดี

เจอโรม โพเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ปรับอัตราดอกเบี้ย ค่าใช้จ่ายในการชำระหนี้ของสหรัฐฯ จะสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปี ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลและไม่สามารถจัดการได้ และในที่สุดจะทำให้กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ล้มละลาย

หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ลดอัตราดอกเบี้ย ความเชื่อมั่นจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และนักลงทุนทั่วโลกอาจขายพันธบัตรสหรัฐฯ ออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้เงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นหรือค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ลดลงอย่างรุนแรง อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตลาดเปลี่ยนไปมาก การวิเคราะห์แบบเดิมๆ อาจใช้ไม่ได้ผลแล้ว กลไกความสัมพันธ์ระหว่างเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยไม่ได้สอดคล้องกับแบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์มาตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดการระบาดครั้งใหญ่

มีสัญญาณบ่งชี้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ในอนาคตอันใกล้ผู้ถือพันธบัตรดอลลาร์อาจจะหันมาลงทุนในทองคำจำนวนมาก ราคาทองคำขึ้นอยู่กับปริมาณทองคำที่มีในตลาดและความต้องการซื้อทองคำ การเกิดขึ้นของ mBridge และ BRICS รวมถึงการที่ดอลลาร์สหรัฐถูกนำกลับประเทศมากขึ้น ทำให้เห็นได้ชัดว่าความต้องการดอลลาร์สหรัฐทั่วโลกได้ลดลงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายประเทศกำลังพยายามหลีกเลี่ยงการพึ่งพาเศรษฐกิจสหรัฐฯ และหันมาลงทุนในทองคำมากขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

เทรด XAUSD อย่างชาญฉลาด

ที่ Exness เราตระหนักดีถึงความสำคัญของความมั่นคงและความโปร่งใสในการเทรด ด้วยสเปรดทองคำที่ลดลง การเทรดทองคำจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากขึ้น ด้วยการทำความเข้าใจตัวชี้วัดสำคัญ พฤติกรรมของตลาด และกลยุทธ์ต่างๆ คุณสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสในการเทรดทองคำได้

การลดสเปรดทองคำเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของเราในการมอบคุณค่าที่เหนือกว่าและให้ลูกค้าของเรามีเครื่องมือที่จำเป็นเพื่อประสบความสำเร็จในการเทรด XAUUSD และสินทรัพย์อื่นๆ

เราขอเชิญชวนให้เทรดเดอร์ทุกคนใช้ประโยชน์จากเงื่อนไขการเทรดที่ดีนี้ และสำรวจโอกาสในการเทรดทองคำในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบัน


ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่อาจใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต เงินลงทุนของคุณมีความเสี่ยง โปรดเทรดอย่างรอบคอบ


ผู้เขียน:

Paul Reid

Paul Reid

พอล รีด เป็นนักข่าวด้านการเงินที่ทุ่มเทในการเผยให้เห็นถึงความเชื่อมโยงพื้นฐานที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่เทรดเดอร์ พอลมีความสนใจด้านตลาดหุ้นเป็นพิเศษ โดยสามารถอ่านเกมการเปลี่ยนแปลงของบริษัทใหญ่ๆ ได้อย่างเฉียบขาดจากการติดตามตลาดการเงินมายาวนานกว่าทศวรรษ