รู้จักกับรูปแบบแท่งเทียนในรูปแบบต่างๆ การกลับตัวของแท่งเทียนสัณญาณขาขึ้นและขาลงที่ควรสังกตุ
ด้วย Team Exness

การวิเคราะห์แท่งเทียน (Candlestick Analysis) เป็นเทคนิคการวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) ที่นิยมใช้ในการประเมินแนวโน้มราคาของสินทรัพย์ต่างๆ เช่น หุ้น, สกุลเงิน, และสินค้าโภคภัณฑ์ โดยรูปแบบแท่งเทียนประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วน ที่เรียกว่า Body และ Shadow
แท่งเทียน/เนื้อเทียน (Body): ส่วนของแท่งหนาๆ จะเรียกส่วนนี้ว่า Body หรือแท่งเทียน ซึ่งจะแสดงถึงราคาเปิด (Open) และราคาปิด (Close) ของช่วงเวลาที่แท่งเทียนนั้นแสดง
ไส้เทียน/เงา (Shadow): ส่วนที่เป็นเส้นบางๆ หรืออาจจะเรียกส่วนนี้ว่า ไส้เทียน ซึ่งแสดงถึงราคาสูงสุด (High) และราคาต่ำสุด (Low) ของช่วงเวลาที่แท่งเทียนนั้นแสดง
สีแท่งเทียน (Colour): สัญญาณบอกทิศทางราคา โดยสีของแท่งเทียน บ่งบอกถึงทิศทางของราคาในช่วงเวลาที่แท่งเทียนนั้นปรากฏ สีเขียวหรือสีขาวแสดงว่าราคาปิดสูงกว่าราคาเปิด และสีแดงหรือสีดำแสดงว่าราคาปิดต่ำกว่าราคาเปิด
นอกจากการแยกแยะราคาเปิด ปิด สูง และต่ำแล้ว แท่งเทียนยังสามารถบ่งบอกถึงแรงซื้อแรงขายและการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มราคาได้อีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รูปแบบแท่งเทียนกลับทิศทาง (Reversal Candlestick Patterns) ซึ่งเป็นรูปแบบที่ปรากฏขึ้นในช่วงปลายของแนวโน้มราคาเดิม และอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่แนวโน้มราคาใหม่
รูปแบบกราฟแท่งเทียนกลับตัวคืออะไร?
กราฟแท่งเทียน คือ กราฟที่บ่งบอกอารมณ์ของตลาด ณ ตอนนั้น ที่ผ่านมา และเพื่อทำนายหรือดูแนวโน้มของอนาคตที่จะเกิดขึ้น จะบ่งบอกถึงแนวทางหรือจุดที่กลับตัว ซึ่งจะสัมพันธ์กับรูปแบบกราฟแท่งเทียนด้วยว่าราคานั้นจะมีแนวโน้มไปในทิศทางไหน
การอ่านกราฟแท่งเทียน
ในบางครั้ง การซื้อขายที่มีกรอบระยะเวลาสั้นๆ เทรดเดอร์จะทำการวิเคราะห์จากรูปแบบกราฟแท่งเทียนเพียงแท่งเดียว ทำให้การศึกษาเกี่ยวกับสัญญาณจากแท่งเทียนกลายเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับเทรดเดอร์ ด้านล่างนี้คือรูปแบบของลักษณะแท่งเทียนที่มักพบได้บ่อยๆ ได้แก่
ไส้เทียนด้านบนยาว เป็นสัญญาณที่บอกถึงแนวโน้มขาลง โดยอาจจะหมายถึงนักลงทุนเตรียมขายสินทรัพย์เพื่อทำกำไร
ไส้เทียนด้านล่างยาว เป็นสัญญาณที่บอกถึงแนวโน้มขาขึ้น โดยอาจจะหมายถึงการที่นักลงทุนเตรียมซื้อสินทรัพย์ ทำให้ราคาขึ้น
แท่งเทียนแบบโดจิ (Doji) คือไม่มีเนื้อเทียน (Body) มีแค่ไส้เทียน (Shadow) บ่งบอกว่าราคาเปิดและปิดมีมูลค่าเท่ากัน หรืออาจจะหมายความได้ว่ายังไม่มีการตัดสินใจที่แน่ชัดในตลาดและีความเป็นไปได้ที่ราคาอาจจะพลิกกลับในอนาคตได้
แท่งเทียนรูปแบบร่ม คือมีไส้เทียนส่วนล่างที่ยาวกว่าปกติ โดยจะเห็นได้ว่ามี 2 สี ความหมายของแท่เทียนรูปร่มสีเขียวหรือเรียกอีกชื่อได้ว่า แท่งเทียนรูปค้อน (Hammer) มักเป็นสัญญาณว่าสินทรัพย์นั้นถูกซื้อโดยนักลงทุนเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาของสินทรัพย์อาจเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต และแท่งเทียนรูปร่มสีแดง หรือเรียกอีกชื่อว่า Hanging Men ซึ่งมักบ่งบอกถึงการที่ผู้ขายสินทรัพย์เตรียมพร้อมที่จะขายสินทรัพย์เพื่อแลกเงินสด และมีแนวโน้มขาขึ้นเกิดการพลิกกลับ
รูปแบบแท่งเทียนการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal Patterns)
4177-post-3-bullish reversal patterns
รูปแบบแท่งเทียนการกลับตัวจากขาลงเป็นขาขึ้น (Bullish Reversal Patterns) เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะกลับตัวจากแนวโน้มขาลง และอาจเปลี่ยนไปเป็นแนวโน้มขาขึ้น โดยรูปแบบแท่งเทียนกลับทิศทางขาขึ้นที่นิยมพบ ได้แก่
Hammer
ลักษณะคือ แท่งเทียนนี้มีไส้เทียน (Shadow) ด้านล่างยาวกว่าตัวแท่งเทียน (Body) มากกว่า 2 เท่า บ่งบอกให้เห็นถึงแรงขายที่เข้าควบคุมตลาดหลังจากเปิดเทรด โดยแรงขายนี้กดดันราคาให้ลดลง แต่ท้ายที่สุด แรงซื้อกลับเข้ามาอย่างมีนัยสำคัญ กลายเป็นฝ่ายควบคุมตลาดแทน และดันราคาปิดให้สูงขึ้นไปอยู่บริเวณบนของแท่งเทียน
หรือก็คือ แท่งเทียนรูปแบบนี้บ่งบอกถึงการต่อสู้ระหว่างแรงซื้อและแรงขาย แรงขายเข้าควบคุมตลาดในช่วงแรก แต่แรงซื้อกลับมาอย่างมีพลังและดันราคาปิดให้สูงขึ้น
Piercing Line
ลักษณะคือ ส่วนของแท่งเทียน (Body) ที่มีลักษณะยาว ราคาปิดของแท่งแรกปิดใกล้กับราคาต่ำสุด นั่นหมายถึงในแท่งเทียนแรกแรงขายจะยังมีความรีบร้อนในการขายและเป็นฝั่งที่สามารถควบคุมตลาดได้ และในแท่งเทียนถัดมาจะเป็นแท่งเทียนที่เป็นแท่งโปร่ง Body มีขนาดยาว ราคาเปิดของแท่งที่สองลดต่ำลงกว่าราคาปิดของแท่งแรก บ่งบอกว่าแรงขายในช่วงเริ่มต้นของแท่งเทียนที่สองยังคงดีอยู่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็มีแรงซื้อกลับเข้ามามากจนสามารถดันราคาให้สูงขึ้น และราคาปิดของแท่งเทียนแท่งที่สองปิดสูงกว่ากึ่งกลางของลำตัวแท่งเทียนแท่งแรก บ่งบอกถึงโอกาสที่แนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้น
Engulfing Bullish
ลักษณะคือ ประกอบไปด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง โดยแท่งแรกจะเป็นแท่งสั้นๆ มี Body เล็ก หมายถึงมีการซื้อขายกันในช่วงราคาแคบๆ แรงขายเริ่มมีความเร่งในการขายที่น้อยลง และแท่งเทียนถัดมาราคาเปิดของแท่งเทียนกระโดดลง หมายถึงแรงขายมีความพยายามในการขายช่วงต้นของแท่งเทียน แต่ในระหว่างนั้นมีแรงซื้อกลับเข้ามาไล่ซื้อทำให้ราคาสูงขึ้นอย่างมากจนราคาปิดของแท่งเทียนที่สองปิดใกล้กับราคาสูงสุด จึงมีลักษณะเป็นรูปแท่งเทียนโปร่งยาวมี Body ขนาดใหญ่ที่กลืน Body ของแท่งเทียนแท่งแรก บ่งบอกให้เห็นว่าแรงซื้อชนะแรงขายและเริ่มจะเป็นฝั่งที่ควบคุมตลาดและมีโอกาสที่แนวโน้มจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้น
Bullish Harami
ประกอบไปด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง บ่งบอกถึงความเร่งรีบที่ลดลงของฝั่งที่ควบคุมตลาด โดยแท่งเทียนแรกมี Body ยาวทึบบ่งบอกว่าราคาปิดใกล้กับราคาต่ำสุด หมายถึแรงขายในแท่งเทียนแรกมีความรีบร้อนและเป็นฝั่งที่แรงขายสามารถควบคุมตลาดได้ ส่วนแท่งเทียนที่สองมีลักษณะ แท่งเทียนสั้น Body ขนาดเล็ก หมายถึงแรงขายเริ่มลดความร้อนแรงและมีการซื้อขายในช่วงราคาแคบ (โดยรูปแบบ Harami แท่งเทียนจะสลับตำแหน่งกับรูปแบบ Engulfing) ดังนั้น รูปแบบ Bullish Harami บ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของแรงซื้อและแรงขาย แรงขายที่ควบคุมตลาดในตอนแรกเริ่มลดความร้อนแรงลง อาจเป็นสัญญาณว่าแรงซื้อกำลังเข้ามาควบคุมตลาดแทนและอาจเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น
รูปแบบแท่งเทียนการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง (Bearish Reversal Patterns)
รูปแบบแท่งเทียนการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง (Bearish Reversal Patterns) เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงโอกาสที่ราคาจะกลับตัวจากแนวโน้มขาขึ้น และอาจเปลี่ยนไปเป็นแนวโน้มขาลง โดยรูปแบบแท่งเทียนกลับทิศทางขาลง (Bearish) ที่นิยมพบจะสามารถจับคู่กับรูปแบบ Bullish ที่ตรงข้ามกันได้ ดังนี้
Inverted Hammer
หรือบางทีอาจจะเรียกว่ารูปแบบ Shooting Star ซึ่งเป็นรูปแบบที่ตรงข้ามกับ Hammer ลักษณะคือ มีเนื้อเทียน (Body) ขนาดเล็ก ไส้เทียนด้านล่างยาวกว่า Body 2 เท่า ราคาปิดอยู่บนหรือใกล้กับราคาเปิด ซึ่งเป็นสัญญาณว่า อาจ เกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น
Dark Cloud Cover
รูปแบบการกลับตัวของแท่งเทียนที่ตรงข้ามกับ Piercing Line โดยประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง แท่งเทียนแรกมีเนื้อเทียน (Body) ยาว แสดงถึงแรงซื้อที่แข็งแกร่ง ส่วนแท่งเทียนที่สองมีเนื้อเทียน (Body) ยาวเช่นกัน โดยที่ราคาเปิดจะสูงกว่า ราคาปิดของแท่งเทียนแรก และราคาปิดต่ำกว่ากึ่งกลางของ Body ของแท่งเทียนแรก ซึ่งแสดงถึงแรงขายที่เข้าควบคุมตลาด นอกจากนี้ ยังเป็นสัญญาณว่าอาจเกิดการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง
Engulfing Bear
ลักษณะของแท่งเทียนที่มีลักษณะตรงข้ามกับรูปแบบ Engulfing Bullish โดยจะประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง แท่งเทียนแรกมีลักษณะเป็นแท่งเทียนทึบแสดงถึงแรงซื้อที่ควบคุมตลาด และแท่งเทียนที่สองมี Body ยาวกว่า Body ของแท่งเทียนแรก บ่งบอกถึงราคาเปิดต่ำกว่าราคาปิดของแท่งเทียนแรก และราคาปิดสูงกว่าราคาเปิดของแท่งเทียนแรก ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจเกิดการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง
Bearish Harami
รูปแบบการกลับตัวของแท่งเทียนที่ตรงข้ามกับรูปแบบ Bullish Harami มีลักษณะคือ ประกอบด้วยแท่งเทียน 2 แท่ง แท่งเทียนแรกทึบแสดงถึงแรงซื้อที่ควบคุมตลาด และแท่งเทียนที่สองมี Body เล็กกว่า Body ของแท่งเทียนแรก ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจเกิดการกลับตัวจากขาขึ้นเป็นขาลง
สรุป
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่นักลงทุนหรือเทรดเดอร์ควรทราบก็คือ เพียงสัญญาณจากแท่งเทียนเดี่ยวก็อาจบอกใบ้ถึงข้อมูลที่สำคัญได้ แต่การที่จะอ่านความเคลื่อนไหวของตลาดให้ถูกต้องแม่นยำได้นั้นจำเป็นต้องอาศัยความเข้าใจในบริบทอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งการจับสังเกตแนวโน้มและรูปแบบต่างๆ ของกราฟแท่งเทียนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน นอกจากนี้ การใช้เทคนิควิเคราะห์แท่งเทียนและรูปแบบต่างๆ ในการอ่านสภาวะตลาดควบคู่ไปกับการใช้เทคนิคอื่นๆ จะช่วยทำให้การเทรดมีความแม่นยำมากขึ้น
ข้อมูลนี้ไม่ถือเป็นคำแนะนำการลงทุน ผลการดำเนินงานที่ผ่านมาไม่อาจใช้เป็นเครื่องบ่งชี้ผลการดำเนินงานในอนาคต เงินลงทุนของคุณมีความเสี่ยง โปรดเทรดอย่างรอบคอบ
ผู้เขียน:
